วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สร้างและพัฒนาหลักสูตรพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐาน กับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา

การตรวจราชการของกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายที่ 5 การเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีพสร้างและพัฒนาหลักสูตรพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐาน

กับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา”





     การพัฒนาหน่วยงานทางการศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ดังที่ ฮอย และมิสเกล (Hoy & Miskel. 2001:1) กล่าวว่าองค์กรแห่งการเรียนรู้เป็นองค์กรที่สมาชิกได้พัฒนาขีดความสามารถของตนเพื่อการสร้างสรรค์งานและการบรรลุเป้าหมายของงานอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับสำนักงานข้าราชการพลเรือน (3:2546) กล่าวไว้ว่า องค์กรแห่งการเรียนรู้ทุกองค์กรต้องดำเนินการตามแนวทางของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดการบ้านเมืองที่ดี พ..2546 อย่างทั่วถึงทุกภาคส่วน จะทำให้ประเทศสามารถพัฒนาสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ และดารงสถานภาพของประเทศอยู่ได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างมั่นคงสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (.. 2560 - 2564) ได้กำหนดให้ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการสร้าง ความเข้มแข็งของฐานเศรษฐกิจเดิม และการขยายฐานการผลิตและบริการใหม่   การพัฒนาเมืองสำคัญให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ           ( สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ,2560:2) และ อมรวิชช์  นาครทรรพ(2550:  5) กล่าวไว้ว่าการจัดการศึกษานำไปสู่การพัฒนาไปสู่คุณภาพและสามารถรับรองการประเมินภายนอกได้
     ดังนั้น การพัฒนาการศึกษาให้มีประสิทธิภาพตามบทบัญญัติของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546  หมวด 3 มาตรา 9 กำหนดให้การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐให้ส่วนราชการ     จัดทำแผนปฏิบัติราชการไว้เป็นการล่วงหน้า และต้องจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการ  ประกอบกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 สั่ง    วันที่ 3 เมษายน 2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ให้จัดตั้งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการบริหารและการจัดการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด การปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ นโยบาย และยุทธศาสตร์ของส่วนราชการต่างๆ  ที่มอบหมาย โดยมอบหมายให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ตามข้อ 11 (2) การจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาและแผนปฏิบัติราชการ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษาของจังหวัด


               สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการสู่การปฏิบัติภายใต้บริบทของจังหวัด เน้นการบูรณาการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา เพื่อจัดทำรูปแบบแนวทางการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา  โดยสำนักงานศึกษาธิการภาค   4   แจ้งเรื่องการจัดทำแผนปฎิบัติราชการประจำ
ปีงบประมาณ 2561 ของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  โครงการส่งเสริมเวทีและประชาคมเพื่อการจัดทำรูปแบบแนวทางการพัฒนาหลักสูตรฯ ต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา  จัดสรรงบประมาณให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี ดำเนินงานพัฒนาหน่วยงานทางการศึกษาในจังหวัดราชบุรี ในการจัดทำหลักสูตรฯข้างต้น จำนวน 3 แห่ง โดยมีรูปแบบพัฒนาหลักสูตรที่พึงประสงค์  ดังนี้
                      1. พัฒนาหลักสูตรที่มีการเชื่อมโยงความรู้ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานกับวิชาต่างๆ ในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา (ไม่จำเป็นต้องเป็นหลักสูตรที่มีความต่อเนื่องข้ามระดับ มีลักษณะคล้ายกับหลักสูตรการสอนแบบ Project)
                      2. มุ่งเน้นการเตรียมการที่ทำงานในระบบ   (Labor extensive)   เป็นการเชื่อมโยงความรู้ขั้นพื้นฐานไปสู่ความรู้ขั้นสูง  ในลักษณะของ Pure science ไปสู่ Applies science )
                      3 .เป็นหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเป็นการเรียนรู้ภาคทฤษฎีควบคู่กับการปฏิบัติ เน้นการสร้างความเข้าใจ  การนำไปใช้และการประยุกต์
                      4 .เป็นหลักสูตร ที่สามารถนำไปใช้จริงในห้องเรียน มีความยืดหยุ่น ไม่เป็นหลักสูตรที่แยกออกจากการเรียนการสอนปกติ ไม่เป็นการใช้เวลาเพื่อการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น อันจะเป็นภาระกับทั้งผู้เรียน  ผู้สอน           
อวยชัย  ศรีตระกูล (2557 : 63-66)  กล่าวถึง การขับเคลื่อนศูนย์แนะแนวของเขตพื้นที่การศึกษาให้ครูแนะแนวจากโรงเรียนต่างๆ ได้ความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมการส่งเสริมการศึกษาเพื่อการมีงานทำเพื่อนำกลับไปปฏิบัติตามนโยบายในโรงเรียน เชื่อว่าจะส่งผลต่อสัดส่วนผู้เรียน จากการศึกษาการขับเคลื่อนนโยบายการเพิ่มปริมาณผู้เรียนอาชีวศึกษา : สามัญศึกษา พบว่า ยังมีข้อมูลสำคัญๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนนโยบายนี้ ควรทำความเข้าใจและแก้ไข กล่าวคือ
1. ผู้ปกครอง
ส่วนใหญ่มีค่านิยมให้นักเรียนเรียนต่อมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อให้บุตรหลานเข้าศึกษาจนจบปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย รวมทั้งผู้ปกครองบางท่านขาดความเชื่อมั่นในสถาบันอาชีวศึกษา อันเนื่องมาจากภาพลักษณ์ที่ปรากฏในสื่อสังคม แม้ว่าในต่างจังหวัดจะมีปัญหาน้อย ก็เป็นเรื่องที่อาชีวศึกษาต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ดังกล่าว ครูแนะแนวในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา และโรงเรียนเอกชน น่าจะเป็นแกนหลักในการปฏิบัติการประชาสัมพันธ์งานอาชีวศึกษาเชิงบวกให้กับผู้ปกครอง แน่นอนว่าอาชีวศึกษาต้องร่วมมืออย่างเข้มแข็งด้วย
 2. ครูแนะแนว
ขาดการส่งเสริมการพัฒนามานาน รวมทั้งจำนวนครูแนะแนวไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน ขาดข้อมูลสารสนเทศในการศึกษาเพื่อการมีงานทำ ขาดการสร้างเครือข่ายภายนอก เนื่องจากนโยบายการศึกษาที่ผ่านมาโรงเรียนเน้นให้นักเรียนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเป็นหลัก ปัจจุบันยังมีผู้บริหารและครูจำนวนไม่น้อยที่มุ่งให้นักเรียนเรียนต่อสายสามัญ เพราะขาดข้อมูลเชิงบวกด้านอาชีวศึกษา แต่ปัจจุบันนี้เราจะเห็นว่าวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษาหลายแห่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เด็กเรียนเก่งมีความสำเร็จในการเรียนต่อสายอาชีพจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ถึงครูและผู้ปกครองส่วนใหญ่ ดังนั้นเราต้องเร่งศึกษา สร้างเครือข่าย และประชาสัมพันธ์ให้ทราบ
3. สถาบันอาชีวศึกษา
วิทยาลัยขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมสูง มีนักเรียนเข้าไปศึกษาต่อจำนวนมากในขณะที่วิทยาลัยต่างอำเภอจำนวนมาก ต้องไปหานักเรียนเข้ามาเรียนทุกปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอเดียวกันกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาตั้งอยู่ก็ยังไม่เรียนเรียนอาสายอาชีพ ดังนั้นภาพลักษณ์เก่าและกลยุทธ์ใหม่ควรเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นภารกิจแรกๆ  ควรออกแบบระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอาชีวศึกษาใหม่ เพื่อให้เด็กได้ใกล้ชิดครูมากกว่านี้ ครูแนะแนวไม่ต้องไปทำหน้าที่ให้กู้เงิน กยศ. จนไม่มีเวลาให้กับนักเรียนเหมือนที่เป็นกันอยู่ทั้งมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา ณ วัน เวลานี้ ( 14 พฤษภาคม 2557) โรงเรียนมัธยมศึกษาต้องการต้องการความรู้อาชีพให้กับนักเรียน ในขณะที่วิทยาลัยเทคนิค/อาชีวศึกษา/การอาชีพต้องการจำนวนนักเรียนมากขึ้น ช่องว่างความร่วมมือทางวิชาการและวิชาชีพร่วมกันยังมีอยู่ หน่วยงานทั้ง 2 ฝ่าย คงต้องร่วมมือกันสร้างถนนให้เด็กเลือกเดินอย่างถูกต้อง ภารกิจของสถาบันอาชีวศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาควรเป็นเจ้าภาพที่ดีร่วมกันในการบริหารการศึกษาด้านการแนะแนวอาชีพเพื่อการมีงานทำ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพควบคู่กันไป
4. ตัวนักเรียน
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6 ส่วนหนึ่งมีความมุ่งมั่นในการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร มีความถนัดด้านไหน และในอนาคตอยากประกอบอาชีพอะไรที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด มีความรู้มีความสุขในการทำงานอย่างมีความสุข และสุดท้ายถูกตัดสินในจากผู้ปกครองและกลุ่มเพื่อน ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จจากการเรียนและการทำงาน ดังนั้นนักเรียนต้องศึกษาเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และมีทักษะการตัดสินใจให้เหมาะสม จุดนี้จึงเป็นหน้าที่ของครูที่ปรึกษาและครูแนะแนวที่ต้องขับเคลื่อนในกิจกรรมแนะแนวอย่างจริงจัง มากกว่าเอาคาบแนะแนวไปติว O-NET ไปท่องข้อสอบหรือหรือไปทำอะไรที่นักเรียนเบื่อและคิดไม่เป็น ต้องขอความร่วมมือผู้บริหารโรงเรียนมองผลสัมฤทธิ์และมองอนาคตเด็กควบคู่กันไป เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นควรรู้ว่าจะสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างไรก่อน จากนั้นให้ศึกษาข้อมูลเรื่องอาชีพว่าในอนาคตตนเองอยากทำอะไร อาชีพ/เงินเดือนค่าตอบแทน/ความรู้ทักษะที่ต้องมี/คุณลักษณะพิเศษที่สร้างขึ้น โอกาสไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพโดยตรงที่ไหน/อย่างไร คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เด็กคิดเป็น เมื่อเขาทำได้เขาจะมีความสุขกับการทำงานที่เขาชอบและเลือกเอง ผู้เขียนคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ใหญ่ที่ครูแนะแนวในศตวรรษที่ 21 จะช่วยนักเรียนของท่านแสวงหาคำตอบได้อย่างแน่นอน

  สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายและการพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559  พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญของแนวทางการขับเคลื่อนด้านการศึกษา โดยมุ่งเน้นการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน รวมถึงองค์กรประชาสังคม เพื่อให้การพัฒนาด้านการศึกษามีความต่อเนื่องและเกิดความยั่งยืนในระยะยาวต่อไป รวมทั้ง มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและอุตสาหกรรมไทยแลนด์ 4.0
กระทรวงศึกษาธิการเห็นความสำคัญของการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้เรียนมีทางเลือกในการเข้าสู่การศึกษาที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ผู้เรียนในสายอาชีพทั้งผู้เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สามารถเข้าสู่เส้นทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้ ในการนี้  สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี จัดโครงการส่งเสริมเวทีและประชาคมเพื่อการจัดทำรูปแบบและแนวทางการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา เพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานทางการศึกษาในจังหวัด มีนวัตกรรมที่จะสนับสนุนการศึกษาที่ต่อเนื่องเชื่อมระหว่างการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับอาชีวศึกษาและระดับอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ สามารถพัฒนาทักษะผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการและบริบททางการศึกษาในแต่ละสาขาวิชาชีพให้มีทักษะต่อยอดในสถาบันอุดมศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยกระบวนการการมีส่วนร่วมผ่านการจัดเวทีและประชาคมเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างและแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา

สี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน:      แนวทางการส่งเสริมสร้างและพัฒนาหลักสูตรพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐาน
     กับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ประจำปี 2561
                       แนวทางการส่งเสริมสร้างและพัฒนาหลักสูตรพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐาน
    กับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ประจำปี 2561 นโยบายที่ 5 การเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีพ  สัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษาสูงขึ้น เมื่อเทียบกับผู้เรียนสายสามัญ  เป้าหมาย 45:55  เป็นการปฏิบัติการร่วมกันของหน่วยงานทางการศึกษาในจังหวัดราชบุรี เพราะเป็นนโยบายที่มีเป้าหมายการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้เรียนมีทางเลือกในการเข้าสู่การศึกษาที่หลากหลาย แต่การทำงานครั้งนี้ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี มีแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการจัดทำหลักสูตรฯข้างต้น เพื่อให้นักเรียนมีทักษะพื้นฐานการเรียนต่อในสายอาชีพทั้งผู้เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สามารถเข้าสู่เส้นทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้เข้าสู่เส้นทางอาชีพได้มากขึ้น และพัฒนาให้ผู้เรียนตระหนักและเห็นคุณค่าการทำงานและอาชีพ ให้สอดคล้องกับบริบทของตนเองและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม  ซึ่งแต่ละส่วนแต่ละองค์กร/หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้บูรณาการการทำงานแบบมีส่วนร่วมของหน่วยงานทางการศึกษา คือ สถานศึกษา/สถาบันสังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาชั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าและมีหน้าที่ในการจัดการศึกษาในจังหวัดราชบุรี  ต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในพื้นที่ และให้ความร่วมมือส่งเสริมส่งเสริมสร้างและพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาในจังหวัดราชบุรีต่อไป
กล่องข้อความ:  การดำเนินงานของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี 

 





1.ศึกษาข้อมูลสารสนเทศ วางแผนการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับ
อาชีวศึกษาและอุดมศึกษ  จัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5  ปี (พ.ศ. 2561-2565) การจัดทำรูปแบบแนวทางการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี
กำหนดวัตถุประสงค์     แนวทางการพัฒนาหลักสูตรที่พึงประสงค์ที่เหมาะสมกับระดับวัยของผู้เรียน   ประเด็นยุทธศาสตร์  กรอบแผนยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
2. จัดทำโครงการ
               3.จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนนโยบาย การศึกษาเพื่อการมีงานทำระดับจังหวัด โดยมี
ผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย คณะกรรมการที่ปรึกษา  คณะกรรมการดำเนินงาน คณะกรรมการคัดเลือกสถานศึกษา คณะกรรมการดำเนินงานจัดทำหลักสูตรและคณะกรรมการฝ่ายประเมินผล
                     4.  ประชุมชี้แจงเป้าประสงค์ของโครงการกับหน่วยงานทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง
                        5.   เสนอหนังสือไปยังหน่วยงานทางการศึกษาขอความอนุเคราะห์ ประชาสัมพันธ์ สถานศึกษา/สถาบันทางการศึกษาในสังกัด  ที่มีความประสงค์สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นสถานศึกษา/สถาบันการศึกษานำร่องหลักสูตรฯ
                   6. สถานศึกษา / สถาบันการศึกษา แจ้งความประสงค์เข้ารับการคัดเลือกและส่งเอกสารประกอบเพื่อพิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนด มายังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี
                        7. ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกสถานศึกษา/สถาบันการศึกษานำร่องหลักสูตรฯ จำนวน 3 แห่ง
                   8. พัฒนาสถานศึกษา/สถาบันการศึกษานำร่องหลักสูตรฯ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย จัดทำหลักสูตรฯ ต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ในวงรอบ  PDCA
                   9. จัดสรรเงินงบประมาณให้สถานศึกษา/สถาบันการศึกษานำร่องหลักสูตรฯ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 3 แห่ง ,  แห่งละ 100,000 บาท
                   10. นิเทศ ติดตาม ประเมินผล สถานศึกษา/สถาบันการศึกษานำร่องหลักสูตรฯ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายทั้งด้านปริมาณ และเชิงคุณภาพ
                   11. จัดเวทีประชาคม พร้อมมอบโล่รางวัลและเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ ให้สถานศึกษา/สถาบันการศึกษานำร่องหลักสูตรฯ เป็นตัวแทนไปนำเสนอองค์ความรู้ นวัตกรรมการจัดทำหลักสูตร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับจังหวัด ซึ่งจะดำเนินการในเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม ปีการศึกษา 2561 และ.สร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกับวิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถานประกอบการ หน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยส่งเสริมอาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น จัดหางานจังหวัด สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ธุรกิจขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน เพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนา
                   12. สรุปรายงานผลไปยัง สำนักงานศึกษาธิการภาคและสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตามกำหนดระยะเวลา
                   13. ประชาสัมพันธ์สถานศึกษา/สถาบันการศึกษา นำร่องหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาระดับจังหวัด
 สถานศึกษาอาจมีแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้
                   ขั้นที่ 1.วิเคราะห์บริบท สภาพแวดล้อม ข้อมูลสารสนเทศการเรียนต่อสายอาชีพของนักเรียนในสถานศึกษา โดยตั้งคณะทำงานจากทุกฝ่าย โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นประธาน รองผู้อำนวยการที่รับผิดชอบงานวิชาการ( ด้านหลักสูตร) เป็นรองประธาน หัวหน้าฝ่ายแนะแนวเป็นเลขานุการ ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษาและงานอาชีพในท้องถิ่น (จังหวัด/อำเภอ)  ดังนี้
        สำรวจและวิเคราะห์หาความต้องการจำเป็นในการจัดหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง ซึ่งเป็นการศึกษาสภาพการณ์ สำรวจ ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ด้านผู้สอนที่มีในโรงเรียน ชุมชน ท้องถิ่น และวิเคราะห์ผู้เรียนในด้านต่าง ๆ เช่น ความต้องการในการศึกษาต่อ เป้าหมายการทำงานในอนาคต อาชีพในท้องถิ่น อาชีพที่ตลาดต้องการ ฯลฯ ปัจจุบันนักเรียนขาดหรือมีความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ หรือทักษะการทำงานขั้นพื้นฐานอยู่ในระดับใด และสามารถนำไปใช้ศึกษาต่อในระดับอาชีวศึกษา/อุดมศึกษาหรือไม่ หากมีแล้วเพียงพอกับหรือไม่ หรือในชุมชนมีความจำเป็นต้องพัฒนาทักษะหรือสมรรถนะในอาชีพใด ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาหรือก่อให้เกิดประโยชน์กับชุมชนท้องถิ่น และช่วยให้การทำงานหรือชีวิตความเป็นอยู่ของบุคคลในชุมชนดีขึ้นอย่างไร สรุปปัญหาและแนวทางการพัฒนางานอาชีพเพื่อการมีงานทำในโรงเรียน เสนอฝ่ายบริหารพิจารณา โดยกำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณ (อัตราการเรียนต่อสายอาชีพ) และเชิงคุณภาพ (สมรรถนะนักเรียนด้านอาชีพ)
           ขั้นที่ 2 กำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง  ซึ่งวัตถุประสงค์หลัก ๆ ได้แก่   การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใน 5 กลุ่มสาระ ประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย และการงานอาชีพและเทคโนโลยี เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการให้ความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ ประสบการณ์ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการสร้างเจตคติในเรื่องที่ได้สำรวจพบในขั้นที่ 1 กำหนดวัตถุประสงค์ให้ตรงหรือสอดคล้องกับมาตรฐานและตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน   พุทธศักราช  2551  (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ผลการเรียนรู้ หรือวัตถุประสงค์ที่กำหนด และสภาพการณ์หรือปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ได้วิเคราะห์ไว้ และต้องชี้ชัดไปได้ว่า เมื่อเสร็จสิ้นการดำเนินการแล้วจะมีผลการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ผู้ที่เข้ามาเรียนตามหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องได้เรียนรู้หรือได้ประสบการณ์อะไรบ้างและมีการเชื่อมโยงความรู้พื้นฐานไปสู่ความรู้ขั้นสูงในลักษณะของ Apply science หรือไม่
 ขั้นที่ 3.จัดทำหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องซึ่งต้องถูกกำหนดไว้ในโครงสร้างรายวิชาของหลักสูตร
สถานศึกษา หรืออาจอยู่ในรูปแบบของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวอาจมีระยะเวลาสั้น  ซึ่งเป็นแผนงานที่จัดทำขึ้นเพื่อให้การดำเนินงานไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ หากหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องถูกกำหนดไว้อย่างครอบคลุมเป้าหมายผู้เรียน และความต้องการของชุมชนท้องถิ่นแล้ว     วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ย่อมสำเร็จออกมาได้ด้วยดี การจัดทำหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง  ต้องเขียนให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยในหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องควรระบุหัวข้อหลัก ๆ เช่น ชื่อหลักสูตร (รายวิชาพื้นฐานหรือสาระเพิ่มเติมหรือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน) หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้าหมาย วิธีดำเนินการ ระยะเวลาดำเนินการ งบประมาณ ผู้รับผิดชอบผู้เข้าร่วม การประเมินผล และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ความชัดเจนของหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง  ช่วยให้การพิจารณาอนุมัติทำได้ง่ายขึ้นและสะดวกต่อการดำเนินการ
                      ขั้นที่ 4 สร้างและพัฒนาหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องมีขั้นตอนและกระบวนการสร้างและพัฒนาดังนี้
                           1. ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน
                              1.1 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579)
          1.2. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ        ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564)
          1.3. แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2560 - 2579)
          1.4. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2560 - 2579)
          1.5. นโยบายรัฐบาล
          1.6. นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2558 - 2574)
          1.7. นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ
          1.8. นโยบายการตรวจราชการประจำปีงบประมาณ 2561
          1.9.  ยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ
          1.10. ยุทธศาสตร์สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
          1.11. ยุทธศาสตร์จังหวัดราชบุรี
          1.12 .ยุทธศาสตร์ศึกษาธิการภาค
                             1.13. สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม
                               1.14. ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
                             1.15 .ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
                             1.16. ความต้องการจำเป็นและสภาพปัญหา
                             1.17. นโยบาย / แผนงานของหน่วยงาน
                             1.18. เป้าหมาย (ปริมาณและคุณภาพ)
                             1.19. องค์ความรู้
                             1.20. จิตวิทยาการเรียนรู้
                                 1.21. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
                         2 ยกร่างหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                             2.1 แต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                             2.2 วางแผน กำหนดรูปแบบการจัดทำหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                             2.3 จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ
                             2.4 กำหนดวันเวลาในการดำเนินการสร้างหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                         3 .พัฒนาหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                             3.1 ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
                             3.2 กำหนดเนื้อหาและรายละเอียด
           3.3 เลือกกิจกรรมและประสบการณ์ การจัดหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
ในสถานศึกษามัธยมศึกษา  เปิดหลักสูตรอาชีพระยะสั้น หลักสูตร 20,40,60,120  ชั่วโมง โดยร่วมมือกับวิทยาลัยสารพัดช่างหรือการศึกษานอกโรงเรียน หรือสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานในจังหวัด จัดแผนการเรียนอาชีพในรูปแบบห้องเรียนอาชีพ หรือห้องเรียนพิเศษ ช่างยนต์ ช่างเชื่อม การโรงแรม มัคคุเทศก์ หรืออื่นๆ ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 หรือ 4-6   ส่งเสริมอาชีพในโรงเรียน โครงงานสำรวจอาชีพ กิจกรรมร่วมมือระหว่างบ้านกับ
                            3.4 กำหนดวิธีการประเมินผลและเกณฑ์การประเมิน
                            3.5 ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเชื่อมโยงเหมาะสม

                         4. นำหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องไปทดลองใช้
                            4.1 จัดทำวัสดุหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                            4.2 ประชาสัมพันธ์หลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                            4.3 คัดเลือกครูผู้สอน/วิทยากร
                            4.4  เตรียมสถานที่อุปกรณ์ เครื่องมือ ฯลฯ


                            4.5 ดำเนินการจัดการเรียนรู้ / ฝึกอบรม
                            4.6 บริการหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                            4.7  นิเทศ ติดตามการใช้หลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                       5. ประเมินผลหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                           5.1 ประเมินผลหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
                           5.2 ประเมินผลการใช้หลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง

             ขั้นที่ 5  การวางแผนการบริหารหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของการใช้หลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องซึ่งจะต้องพิจารณาองค์ประกอบการดำเนินงานในทุก ๆ ด้าน เช่น งบประมาณ สถานที่ อุปกรณ์ สื่อการเรียนการสอน สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก เป็นต้น ดังนั้นผู้รับผิดชอบหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องจะต้องมีการบันทึก ควบคุม และตรวจสอบงานแต่ละด้าน
             ขั้นที่ 6 ดำเนินการใช้หลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง เป็นขั้นที่ดำเนินการตามแนวทางการขับเคลื่อนหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องที่ได้สร้างไว้ โดยมีบุคลากรฝ่ายต่าง ๆ รับผิดชอบงานที่มอบหมายไว้ล่วงหน้า
             ขั้นที่ 7 ประเมินผลการใช้หลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง  อย่างเป็นระบบตั้งแต่การประเมินข้อมูลนำเข้า (Input) การประเมินกระบวนการ (Process) และการประเมินผลผลิต (Output)
             ขั้นที่ 8 ติดตามผลการดำเนินการ  ผู้บริหารหลักสูตรเชื่อมโยงการนำความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ ฯลฯ ที่ได้รับจากการจัดการเรียนรู้ เพื่อนำผลไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องในปีต่อไป
กล่องข้อความ:  บทบาทครูผู้สอนในสถานศึกษาศึกษา

 




              1. ปรึกษา หัวหน้า/รองผู้อำนวยการฯ ขอความเห็นในการขับเคลื่อนพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง
การศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษ
              2 เสนอผู้อำนวยการให้ประชุมแจ้งนโยบายให้คณะครูทุกคนและแจ้งให้ผู้ปกครองทุกคนทราบ เพื่อให้  ความร่วมมือ
                  3 กำหนดทีมงานขับเคลื่อนพัฒนาหลักสูตรพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา
                  4. กำหนดโครงการ/กิจกรรมที่จะดำเนินการเกี่ยวกับการงานกิจกรรมในหลักสูตร
             5. นิเทศ กำกับ ติดตามและประเมินผล
             6. ค้นหาผลการปฏิบัติงานที่ดี และนำเสนอให้เป็นตัวอย่าง
             7 รายงานผู้อำนวยการสถานศึกษา
สี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน: การบริหารหลักสูตร

                    การบริหารหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นหลักสูตรระยะสั้นต้องใช้ปัจจัยการบริหารเนื่องจากผู้ออกแบบหลักสูตรต้องกำหนดระยะเวลาที่มีช่วงระยะเวลาจำกัดหรือค่อนข้างสั้น ไม่ได้หมายถึงการขับเคลื่อนตามที่กำหนดไว้ในโครงสร้างเวลาเรียนเหมือนรายวิชาพื้นฐานทั่วไป แต่การบริหารจัดการจึงต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลกับผู้เรียนมากที่สุดและต้องใช้การตัดสินใจ สั่งการที่รวดเร็ว รวมทั้งการประสานงานที่กระชับฉับไว การจัดเตรียมงานทุกอย่างต้องพร้อมก่อนการดำเนินการ การบริหารหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องจึงต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการดำเนินการเป็นอย่างมากที่ต้องทำในการในการจัดหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องที่มีระยะสั้นดังนี้
1.      เสนอขออนุมัติหลักสูตรและงบประมาณจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด
2.      แต่งตั้งคณะทำงานฝ่ายต่าง ๆ
3.      จัดครูผู้สอนหรือติดต่อวิทยากร
4.      จัดทำการประชาสัมพันธ์หลักสูตร
5.      รับสมัครหรือคัดเลือกผู้เรียน
6.      จัดห้องเรียนที่เหมาะสมกับผู้สมัคร
7.      เลือกและจัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ และจัดทำเอกสารประกอบหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
8.      อำนวยความสะดวกแก่ผู้เรียน
9.      ติดต่อประสานงานการดูงานนอกสถานที่ การฝึกปฏิบัติในหน่วยงานภายนอกล่วงหน้า (ถ้ามี)
10.  เตรียมเอกสารการทดสอบ และการประเมินผลหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่อง
11.  แจกวุฒิบัตร/เกียรติบัตร
12.  รวบรวมหลักฐานด้านการเงินและงบประมาณ และสรุปผลการดำเนินงานเสนอผู้บังคับบัญชา
สี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน:      สรุปแนวทางการจัดหลักสูตร 






                  การจัดทำหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นหลักสูตรระยะสั้น แตกต่างจากหลักสูตรการฝึกอบรมทั่วไป โรงเรียนต้องมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรในสาระวิชาต่างๆ ที่กำหนดอย่างครบถ้วน เข้าใจเป้าหมายการขับเคลื่อนหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องอย่างถ่องแท้และออกแบบหรือพัฒนาหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องตามกระบวนการ ขั้นตอนเช่นเดียวกับหลักสูตรทั่วไป การบริหารหลักสูตรเชื่อมโยงต่อเนื่องอาจเป็นหลักสูตรที่มีระยะเวลาสั้นตามธรรมชาติวิชาและเนื้อหาสาระ จึงต้องอาศัยหลักการบริหารทั่วไป คือ การวางแผน การจัดหน่วยงาน การอำนวยการและการควบคุม แต่เนื่องจากมีช่วงระยะเวลาสั้น การบริหารหลักสูตรจึงต้องอาศัยการดำเนินงาน   ที่รวดเร็ว เช่น การตัดสินใจหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ถูกต้องและการประสานงานที่ดี
สรุปและข้อเสนอแนะ
การบริหารนโยบายการสร้างและพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาทำให้บรรลุหลักการและเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการได้นั้น ผู้บริหารของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี เขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา ต้องมีความชัดเจนและมีความรู้ ความเข้าใจนโยบายและเป้าหมาย ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพที่ตรงกันว่าในการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้เรียนมีทางเลือกในการเข้าสู่การศึกษาที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ผู้เรียนในสายอาชีพทั้งผู้เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สามารถเข้าสู่เส้นทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ สามารถพัฒนาทักษะผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการและบริบททางการศึกษาในแต่ละสาขาวิชาชีพให้มีทักษะต่อยอดในสถาบันอุดมศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาจำเป็นต้องมีการทำงานและรูปแบบการประสานงานแบบบูรณาการสร้างเครือข่ายอย่างเป็นระบบ   ทั้งในระดับจังหวัด  เขตพื้นที่การศึกษา อาชีวศึกษา ระดับสถานศึกษา ที่จะร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงการศึกษาเพื่อการมีงานทำของสถานศึกษา และของประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น